GI (Glycemic Index) เป็นชื่อเรียกของ ดัชนีน้ำตาล หลายคนอาจจะมองข้ามเพราะว่าไม่ได้รับประทานน้ำตาล แต่รู้มั้ยว่า อาหารส่วนใหญ่มีคาร์โบไฮเดรต อยู่ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือดนี่เอง และถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะไปกระตุ้นการเกิดฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) หรือฮอร์โมนที่มีชื่อเล่นว่า ฮอร์โมนความอ้วน (ไว้มาขยายความกันอีกทีนะ) GI เป็นดัชนีช่วยชี้อะไรเราได้บ้าง? ถ้า GI สูง ก็เป็นการบ่งบอกว่าอาหารนั้นๆ มีการกระตุ้นการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง ก็จะทำให้กระตุ้นการเกิดอินซูลีนสูงตามขึ้นไป และถ้า GI ต่ำก็จะบอกว่าอาหารนั้นๆ มีการกระตุ้นการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดที่ต่ำ ก็จะเหมือนว่าอิ่มนานเพราะว่า ระดับปริมาณน้ำตาลในเลือดไม่ได้สูงและไม่ต่ำเกินไป โดย GI จะแบ่งหลักๆ เป็น 3 ระดับคือ GI ต่ำ คือ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 55 GI กลาง คือ 56 – 75 GI สูง คือ มากกว่า 75 โดยอาหารที่มี GI ต่ำนั้นพบในอาหารที่มีกากใยสูง หวานน้อย เป็นส่วนใหญ่ สามารถดูค่า GI จากตัวอย่างอาหารได้ตามลิงค์นี้จ้า GL ล่ะคืออะไรหนอ? GL (Glycemic Load) เป็นค่าที่เราไว้ใช้คำนวนปริมาณน้ำตาลที่เรารับเข้าไปโดยใช้สูตรว่า GL = (GI x Carbohydrate (gram)) / 100 โดย GL แบ่งหลักๆ เป็น 3 ระดับคือ GL ต่ำ คือ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 GL ปานกลาง คือ 11 – 20 GL สูง คือ มากกว่าหรือเท่ากับ 21 หากกิน GI ต่ำแต่ปริมาณสูง ซึ่งทำให้ค่า GL เท่ากับกินอาหารที่มี GI สูง แต่ปริมาณน้อยกว่า ก็จะได้ผลไม่ต่างกันนะ แต่เดี๋ยวก่อน!
Low Glycemic หรือ ดัชนีน้ำตาลต่ำ คือ ค่า ≤ 55 2. Medium Glycemic หรือ ดัชนีน้ำตาลปานกลาง คือ ค่าระหว่าง 56-69 3. High Glycemic หรือ ดัชนีน้ำตาลสูง คือ ค่า ≥ 70 ปัจจัยที่มีผลต่อระดับดัชนีน้ำตาล ได้แก่ 1. ระดับการผ่านการขัดสี การแปรรูป การปรุงประกอบ ของอาหาร เพราะ อาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปต่างๆ จะส่งผลให้อาหารชนิดนั้นมีค่าดัชนีน้ำตาลที่สูงขึ้น ยิ่งผ่านกระบวนการต่างๆมาก ค่ายิ่งสูงขึ้น เช่น ข้าวกล้อง (ไม่ผ่านการขัดสี) จะมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่า ข้าวขาว (ผ่านการขัดสี) เป็นต้น 2. ใยอาหาร เพราะ ใยอาหาร (โดยเฉพาะใยอาหารชนิดละลายน้ำ) ช่วยในการชะลอความเร็วในการย่อยพวกแป้ง และการดูดซึมพวกน้ำตาลกลูโคส ดังนั้นอาหารที่มีใยอาหารสูง จะมีค่าดัชนีน้ำตาลที่ต่ำกว่าอาหารที่มีใยอาหารน้อย 3. ชนิดของแป้ง เพราะ แป้งชนิด Amylose (โครงสร้างเป็นแบบเส้นตรง) จะย่อยช้ากว่าแป้งชนิด Amylopectin (โครงสร้างเป็นแบบกิ่งก้าน) ดังนั้นอาหารที่มีส่วนประกอบของแป้งชนิด Amylose มากกว่า ชนิด Amylopectin จะมีค่าดัชนีน้ำตาลที่ต่ำกว่า (แหล่งของแป้งชนิด Amylose เช่น Long grain rice, All sorts of legumes) (แหล่งของแป้งชนิด Amylopectin เช่น Wheat flour, White bread) 4.